อาลีบาบาตัดสินใจสร้างระบบโลจิสติกส์ ที่สามารถส่งสินค้าไปยังเมืองต่างๆ ได้ภายใน 24 ชั่วโมง
เมื่อปลายปี 2555 อาลีบาบา(alibaba.com) เว็บท่า B2B ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ทำยอดขายจากเว็บไซต์ชอปปิงชื่อดังของจีนอย่าง Taobao.com และ Tmall.com รวมกันทะลุ 1 ล้านล้านหยวน (157,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งมากกว่ายอดขายของ eBay.com และ amazon.com รวมกัน
ในไตรมาสแรกของปี 2556 กลุ่มอาลีบาบามีกำไรที่ 642 ล้านดอลลาร์แล้ว จึงเชื่อว่าในปีนี้ยอดขายโดยรวมทั้งหมดของอาลีบาบาจะมากกว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งหมดของอเมริกา ดังนั้นเมื่ออาลีบาบาประกาศความพร้อม ที่จะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ในเร็ววันนี้ จึงนับเป็นหุ้นดิจิทัลที่สร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อยกว่าการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของเฟซบุ๊ค (facebook.com) ในปีที่แล้ว
ถึงคราวแสดงศักยภาพ
อาลีบาบาก่อตั้งขึ้นโดยแจ็ค หม่า (Jack Ma) ในปี 2542 เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กของจีนสามารถขายสินค้าภายในประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันเว็บไซต์เวอร์ชั่นภาษาจีนของอาลีบาบา (alibaba.cn) มีสมาชิกกว่า 77.7 ล้านรายและมีร้านค้ากว่า 8.5 ล้านร้านค้า
alibaba.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์เวอร์ชั่นสากลสามารถรองรับธุรกิจขนาดเล็กจาก 240 ประเทศทั่วโลก มีสมาชิกกว่า 36.7 ล้านรายและร้านค้ากว่า 2.8 ล้านร้านค้า ในปัจจุบันกลุ่มอาลีบาบามีธุรกิจครอบคลุมรวมถึงระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (aliyun.com) และออนไลน์เพย์เมนท์ (alipay.com)
ความแข็งแกร่งของอาลีบาบาทำให้ ยาฮู (Yahoo.com) ได้เข้าร่วมลงทุนกับกลุ่มอาลีบาบาในปี 2548 ด้วยเงินลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ และได้ให้อาลีบาบาดูแลธุรกิจ China Yahoo! ต่อจากยาฮู จนกระทั่งยาฮูประสบปัญหาด้านการเงินในอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว จึงได้ตัดสินใจขายหุ้นที่มีอยู่จำนวน 40% คืนให้กับอาลีบาบาในจำนวนเงิน 7,600 ล้านดอลลาร์ โดยยังคงถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 23%
กลยุทธ์เติบโตต่อเนื่อง
สำหรับประเทศจีนแล้วยอดการชอปปิงผ่านออนไลน์ในวันสำคัญนับว่าไม่น้อยหน้าอเมริกา โดยสถิติยอดขายในวันที่ 11 เดือน 11 หรือที่เรียกว่าวัน Single’s Dayในปีที่ผ่านมา Taobao.com และ Tmall.com มียอดขายเพียงวันนี้วันเดียวอยู่ที่ 3,100 ล้านดอลลาร์ หรือ 19,100 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 367% จากปีก่อนหน้า นับเป็นการทำลายสถิติยอดขายในวันเดียวของ Cyber Monday ในอเมริกาซึ่งอยู่ที่ 1,465 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว
Taobao.com ซึ่งเป็นเว็บท่าในลักษณะ C2C เช่นเดียวกับ eBay.com และ WeLoveShopping.com มีร้านค้าย่อยกว่า 6.5 ล้านร้านค้า ได้ทำสัดส่วนยอดขายที่ 5,900 ล้านหยวน และ TMall.com ซึ่งเป็นเว็บท่าในลักษณะ B2C และมีแบรนด์เข้าร่วมกว่า 70,000 แบรนด์ทำยอดขายสูงถึง 13,200 ล้านหยวน
กล่าวกันว่าเพียงนาทีแรกที่เปิดขายก็มีจำนวนผู้เข้าเว็บไซต์กว่า 10 ล้านคน และทำยอดขายกว่า 250 ล้านหยวนภายใน 10 นาทีแรกของวันดังกล่าว
บันไดสู่ระบบโลจิสติกส์ใหม่ของจีน
กลุ่มอาลีบาบาเห็นความสำคัญของระบบโลจิสติกส์เพื่อขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าในมณฑลต่างๆ ของจีน จึงได้ตัดสินใจร่วมลงทุนเปิดบริษัทเพื่อสร้างระบบโลจิสติกส์ใหม่ที่มีชื่อว่า “China Smart Logistics Network (CSN)” โดยแจ็ หม่า ซึ่งเพิ่งลาออกจากการเป็นซีอีโอของกลุ่มอาลีบาบาเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้นั่งในตำแหน่งประธานของบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งใหม่นี้ มีเงินลงทุนเบื้องต้นที่ 100,000 ล้านหยวน (16,300 ล้านดอลลาร์) สร้างระบบโลจิสติกส์ที่จะสามารถส่งสินค้าไปยังเมืองต่างๆ ได้ภายใน 24 ชั่วโมง
โครงการนี้จะใช้เวลาในดำเนินงาน 8 – 10 ปีจึงแล้วเสร็จ สาเหตุเป็นเพราะปัจจุบัน 70% ของโกดังสินค้าของจีน ถูกสร้างตั้งแต่ก่อนปี 2533 และไม่เพียงพอต่อการให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซซึ่งเติบโตรวดเร็วมาก
เพื่อให้สามารถรองรับกับปริมาณสินค้าในระบบอีคอมเมริซ์ของจีน ซึ่งในปี 2555 มีมูลค่าถึง 190,000 ล้านดอลลาร์ นับเป็น 6.1% ยอดค้าปลีกของจีน ระบบโลจิสติกส์ใหม่จะช่วยในการส่งสินค้าได้ถึง 30,000 ล้านหยวนต่อวัน ในปีที่แล้วจำนวนแพคเกจที่จัดส่งในจีนมีสูงถึง 5,700 ล้านชิ้น เฉพาะจำนวนแพคเกจจาก Taobao.com และ Tmall.com มีมากถึง 12 ล้านชิ้นต่อวัน
จากข่าวที่ว่าอลีบาบาอาจตัดสินใจนำบริษัทเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแทนที่จะเทรดตลาดหลักทรัพย์ในอเมริกาในครั้งนี้ จึงนับเป็นจุดสนใจไม่น้อยถึงการที่อาลีบาบายักษ์ใหญ่ตัวจริงในสนามอีคอมเมิร์ซจะทุ่มเทนโยบายผลักดันธุรกิจในภูมิภาคนี้
ความแข็งแกร่งและการรุกตลาดของอาลีบาบาจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจควรจับตามอง และพร้อมรับมือ และรุกให้ทันกับคู่แข่งสำคัญที่ใช้ออนไลน์ในการชิงตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเรา
ที่มา: bangkokbiznews.com (775)