จากข้อมูลขององค์การอัมพาตโลก (WSO) ระบุว่า ในปี 2554 มีคนเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง หรืออัมพาตทั่วโลกประมาณ 6.5 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์, วัณโรค และมาลาเรียรวมกัน
ขณะที่เมืองไทย ในปี 2552 พบคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง สูงถึง 13,353 คน ในปี 2554 มีผู้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรืออัมพาต จำนวน 751,350 คน และในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าผู้ป่วยนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ด้วยโรคดังกล่าว เพิ่มขึ้น 2.45 เท่า และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ป่วยอัมพาตส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะสื่อสารได้ด้วยการพูด และเขียน
SenzE จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้สามารถสื่อสารได้สะดวกขึ้น
“ปิยะศักดิ์ บุญคมรัตน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมดิเทค โซลูชั่น จำกัด เปิดเผยว่า อุปกรณ์ดังกล่าวใช้เทคโนโลยี อาย แทรกกิ้ง ซิสเต็ม (Eye Tracking System) ที่ใช้งานกับ ซอฟต์แวร์ภาษาไทย เครื่องแรกของโลก
พัฒนาด้วยเทคนิคโอเพ่น ซีวี (Open CV) และอิมเมจ โพรเซสซิ่ง (Image Processing)
หลักการทำงานของอุปกรณ์นี้คือ ใช้กล้องความละเอียดสูงตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาผู้ป่วย และใช้การกะพริบตา 2 ครั้ง แทนการออกคำสั่งเสมือนการกดเอ็นเทอร์ (Enter) ผู้ป่วยสามารถเลือกเมนูคำสั่งที่ต้องการ และพิมพ์ข้อความ เพื่อสื่อสารกับแพทย์ ญาติ และผู้ดูแลได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ
อุปกรณ์ SenzE มีความปลอดภัย เพราะถูกออกแบบมาไม่ให้มีการยึดติดกับตัวผู้ป่วยเลย
ปัจจุบันผ่านการทดสอบประสิทธิภาพกับผู้ป่วยอัมพาต จำนวน 10 ราย ที่สถาบันประสาทวิทยา ภายใต้การควบคุมการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ซึ่งผลการทดสอบอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ปิยะศักดิ์ บอกว่า จากต้นแบบที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศ โครงการนวัตกรรมวาณิชย์ ภาคค้นหา Thai IT Tycoon 2012 ของกระทรวงไอซีที และซิป้า และรางวัลรองชนะเลิศ True Innovation Awards 2012 ประเภท Inno Tree
ปัจจุบันมีการต่อยอดจนสามารถผลิตและพร้อมออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์
โดยตลาดเป้าหมาย คือ โรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน ที่มีผู้ป่วยอัมพาตที่นอนพักรักษาตัว หรือต้องบำบัดฟื้นฟูที่บ้าน ตลอดจนผู้ป่วยกลุ่มที่มีอาการใกล้เคียง ที่มีปัญหาทางด้านการสื่อสารด้านการพูด และเขียนปิยะศักดิ์ บอกอีกว่า ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยี หรืออุปกรณ์ช่วยในการสื่อสารในลักษณะเช่นนี้มาก่อนในเมืองไทย และอุปกรณ์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน หากนำเข้าจากต่างประเทศ ก็จะมีราคาแพงมาก คือประมาณชุดละ 300,000 บาท และไม่มีซอฟต์แวร์ภาษาไทย ขณะที่ SenzE กำหนดราคาที่ถูกกว่าอุปกรณ์นำเข้าถึง 40%
และเป้าหมายอนาคตคือการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะ 10 ประเทศในอาเซียนหลังเปิดเออีซี.
Cr. dailynews.co.th (960)