เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ถือเป็น 3 เกาะชื่อดังของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สร้างรายได้ท่องเที่ยวรวมกันกว่า 23,000 ล้านบาท ครองสัดส่วนกว่า 65% ของรายได้ท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานีทั้งหมดที่มีกว่า 35,000 ล้านบาท โดยในปี 2558 คาดว่ารายได้จากทั้ง 3 เกาะจะเพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ของตัวจังหวัดก็ขยายตัวแตะที่ 45,000 ล้านบาท
ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของทั้ง 3 เกาะนี้ ประเด็นปัญหาต่าง ๆ จึงถูกหยิบยกขึ้นมานำเสนอต่อ “สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์” รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในเวทีการประชุมระหว่างภาครัฐ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของ 3 เกาะ เมื่อ 14 สิงหาคม ที่เกาะสมุย
โดย “ทนงศักดิ์ สมวงศ์” นายกสมาคมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เริ่มต้นเล่าภาพรวมว่า รายได้จากการท่องเที่ยวบนเกาะสมุยในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 14-16% จากปีที่แล้ว ซึ่งสร้างรายได้กว่า 15,000 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านคน แบ่งเป็นต่างชาติ 90% ส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมันรัสเซีย ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ส่วนอีก 10% เป็นคนไทย
สำหรับราคาห้องพักในปี 2557 คาดว่าผู้ประกอบการจะสามารถปรับราคาเพิ่มได้ไม่เกิน 10% หลังจากที่ปีนี้ไม่ได้ปรับราคากัน เพราะ “ยุโรป” ตลาดหลักยังคงเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ บวกกับภาวะเงินบาทแข็งค่าในช่วงครึ่งปีแรก
แถมยังต้องมาเจอกับสถานการณ์ตลาดที่ “ออนไลน์ แทรเวล เอเย่นต์” หรือ “โอทีเอ” บุกตลาดรับจองห้องพักออนไลน์และมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป โดยเข้ามามีส่วนในการกำหนดราคาห้องพัก และเรียกเก็บค่าคอมมิสชั่นสูง 15-25% และในช่วงโลว์ซีซั่นก็เก็บสูงถึง 40% ใครจ่ายในอัตราที่สูงก็จะได้นักท่องเที่ยวสูงตาม
“ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะสมุยคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรสร้างเว็บไซต์สำหรับรับจองห้องพักผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันโรงแรมในเกาะสมุยซึ่งมีกว่า 16,000 ห้องพัก ต้องจ่ายค่าคอมมิสชั่นรวมกันราว 300 ล้านบาทต่อปี คำนวณโดยคร่าว ๆ แล้ว ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เราสูญเสียรายได้ไปกว่า 3,000 ล้านบาทแล้ว ทำให้ขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมลดลง ทั้งยังทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีอีกด้วย”
นอกจากนี้ ปัญหาสิ่งแวดล้อมก็ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันเช่นกัน รวมไปถึงการให้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันก็เป็นสิ่งที่คนในพื้นที่กังวลอย่างมาก เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วเหมือนที่บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ในตอนนี้ ส่วนข้อเสนออื่น ๆ เพิ่มเติม ก็ได้เสนอให้สร้างรถรางวิ่งรอบเกาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
จากประเด็นปัญหาของเกาะสมุย “สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์” รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า ทางกระทรวงจะเร่งหารือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำเว็บไซต์รับจองห้องพักออนไลน์ โดยเรียกเก็บค่าคอมมิสชั่นที่ 7-10% เท่านั้น
และให้สำนักงาน ททท.ทั้งในประเทศและต่างประเทศช่วยกันประชาสัมพันธ์ช่องทางนี้ต่อไป หากเกาะสมุยมีความพร้อมเร็วที่สุด ก็จะนำไปใช้เป็นโครงการต้นแบบสำหรับเว็บไซต์ ส่วนปัญหาน้ำเสียและขยะ รวมถึงการสร้างระบบรถราง หากมีการก่อสร้างโรงงานกำจัดขยะและรถรางขึ้นมาจริง ๆ มองว่ามีแนวโน้มถูกต่อต้านจากเอ็นจีโอสูง
ไม่เพียงเท่านี้ ภาคเอกชนเกาะพะงัน โดย “ธัญญะ พูลสวัสดิ์” นายกสมาคมโรงแรมเกาะพะงัน ยังบอกด้วยว่า ได้จัดทำแผนโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะแก่นักท่องเที่ยวให้รู้จักพะงันมากขึ้นกว่าการเป็นแค่พื้นที่จัดงาน “ฟูลมูนปาร์ตี้”
โดยจะแบ่งพื้นที่ของเกาะออกเป็น 5 โซน 5 โปรดักต์ท่องเที่ยว ได้แก่ โซนท่องเที่ยวแบบสะดวกสบาย มีแหล่งช็อปปิ้ง และโรงพยาบาลคอยอำนวยความสะดวก, โซนฟูลมูนปาร์ตี้ ชูจุดขายความสนุกสนานและภาพลักษณ์การเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว, โซนประวัติศาสตร์และอนุรักษ์ธรรมชาติ, โซนดำน้ำ และโซนแหล่งพักผ่อนเพื่อสุขภาพ
โดยในประเด็นนี้ทาง รมว.ท่องเที่ยวฯเห็นด้วย และแนะนำให้เร่งทำปฏิญญาร่วมกับภาครัฐเพื่อเดินหน้าโปรโมตเต็มที่ เหมือนกับโมเดลของกระบี่ที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว
ฟากตัวแทนจากเกาะเต่าเล่าว่า กรมธนารักษ์ได้ประกาศให้พื้นที่เกาะเต่าเป็นที่ดินราชพัสดุ แต่ชาวบ้านไม่ยอมรับ เพราะฝ่ายชาวบ้านเองก็บอกว่ามาตั้งรกรากก่อนกรมธนารักษ์ประกาศเสียอีก นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องท่าเทียบเรือและไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
นี่คือ ข้อเสนอของภาคเอกชนจาก 3 เกาะดังของสุราษฎร์ธานี ที่อยากให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท.สนับสนุนและพัฒนาให้ทันท่วงที รับกับสภาพแวดล้อมตลาดท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
(892)