ระบบการหักบัญชีเช็คด้วยภาพเช็คและระบบการจัดเก็บภาพเช็ค (ICAS)
ระบบ ICAS ประกอบด้วย 2 ส่วน โดยส่วนแรกทำหน้าที่ในการเรียกเก็บเงินตามเช็คระหว่างธนาคาร และส่วนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการจัดเก็บข้อมูลและภาพเช็คซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้การค้นหาข้อมูลและภาพเช็คทำได้อย่างสะดวกและ รวดเร็ว
1.วัตถุประสงค์ของระบบ ICAS
- เพื่อย่นระยะเวลาการเรียกเก็บเงินตามเช็คทั่วประเทศให้เหลือ 1 วันทำการ ซี่งรวมถึงการเรียกเก็บเงินตามเช็คข้ามเขตสำนักหักบัญชี ที่ปัจจุบันต้องใช้เวลาในการเรียกเก็บ
3-5 วันทำการ - เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเรียกเก็บเงินตามเช็คของไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล และเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
2.นโยบายของ ธปท. ในการพัฒนาระบบ ICAS
ธปท. ได้พัฒนาระบบ ICAS ภายใต้นโยบาย One-day Clearing; One Cheque Clearing System; และ One Clearing House กล่าวคือ
- One-day Clearing ด้วยระบบ ICAS เป็นระบบการเรียกเก็บเงินตามเช็คด้วยภาพ ซึ่งไม่มีการขนส่งตัวเช็คในกระบวนการเรียกเก็บ จึงทำให้ระบบ ICAS สามารถลดระยะเวลาในการเรียกเก็บเงินตามเช็คทั่วประเทศให้เหลือเพียง 1 วันทำการได้
- One Cheque Clearing System เมื่อใช้งานระบบ ICAS แล้ว จะทำให้ประเทศไทยสามารถรวมระบบการหักบัญชีเช็คจากปัจจุบันที่มี 3 ระบบงาน ได้แก่ ระบบการหักบัญชีเช็คเรียกเก็บระหว่างธนาคารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (ระบบ ECS) ระบบการหักบัญชีเช็คในต่างจังหวัด และระบบการเรียกเก็บเงินตามเช็คข้ามเขตสำนักหักบัญชี ให้เหลือเพียงระบบเดียว คือ ระบบ ICAS
- One Clearing House การเรียกเก็บเงินตามเช็คด้วยระบบ ICAS ทำให้สามารถใช้ศูนย์หักบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ที่กรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว ในการทำหน้าที่หักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารทั่วประเทศได้ เปรียบเทียบกับปัจจุบันที่ต้องใช้สำนักหักบัญชีกว่า 80 แห่งทั่วประเทศในการดำเนินการที่กล่าว
3.แผนการดำเนินงานระบบ ICAS
ธปท. มีกำหนดที่จะเริ่มใช้งานระบบ ICAS ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณเช็คสูงถึงร้อยละ 70 ของปริมาณเช็คทั้งประเทศ) เป็นลำดับแรกภายในปี 2555 หลังจากนั้นจะทยอยขยายผลการใช้งานไปในส่วนภูมิภาคจนครบทุกจังหวัดทั่วประเทศภายในปี 2556 ซึ่งจะทำให้ระบบการหักบัญชีเช็คทั่วประเทศเป็นระบบเดียวและการเรียกเก็บเงินตามเช็คทั่วประเทศสามารถทราบผลได้เพียง 1 วันทำการ
แผนการใช้งานระบบ ICAS | กำหนดเวลา |
---|---|
- เริ่มใช้งานในเขต กทม. และปริมณฑล | ภายในปี 2555 |
- ขยายผลการใช้งานครบทั่วทั้งประเทศ | ภายในปี 2556 |
4.ประโยชน์ของระบบ ICAS
การใช้งานระบบ ICAS มีประโยชน์ต่อแต่ละภาคส่วนของประเทศไทย ดังนี้
4.1 ภาคธุรกิจและประชาชนผู้ฝากเช็ค
1) สามารถเรียกเก็บและถอนใช้เงินตามเช็คทั่วประเทศได้ภายใน 1 วันทำการ ซึ่งรวมไปถึงการเรียกเก็บเงินตามเช็คข้ามจังหวัดด้วย ซึ่งปัจจุบันต้องใช้เวลาในเรียกเก็บประมาณ 3-5 วันทำการ
2) ขยายเวลาการรับฝากเช็คเพิ่มขึ้นประมาณ 1½ ชั่วโมง จากปัจจุบันที่ธนาคารปิดรับฝากที่ประมาณ 13.00-14.00 น. จะขยายเวลาเป็น 14.30 –15.30 น. หรือใกล้เวลาปิดทำการของธนาคาร
3) ร่นกำหนดเวลาของธนาคารที่ให้ลูกค้าสามารถถอนใช้เงินตามเช็คที่ฝากได้เร็วขึ้นจากปัจจุบันที่ประมาณเวลา 13.00 -14.00 น. จะเร็วขึ้นเป็นประมาณ 12.00 น.
4.2 ภาคธนาคาร
1) ลดต้นทุนในการขนส่งตัวเช็ค
2) ลดความเสี่ยงที่เช็คอาจสูญหายในระหว่างกระบวนการเรียกเก็บ
3) ช่วยลดภาระในการจัดเก็บข้อมูลและตัวเช็คของธนาคาร โดย ธปท. จะเป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลและภาพเช็คที่ ธ.สมาชิกสามารถเรียกใช้งานได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
4) ช่วยให้เกิดนวัตกรรมด้านบริการทางการเงินใหม่ ๆ เช่น บริการแนบภาพเช็คที่สั่งจ่ายควบคู่กับรายงานแสดงการเดินบัญชีประจำเดือน (Bank Statement) หรือบริการตู้รับฝากเช็คอัตโนมัติซึ่งสามารถออกใบรับฝากที่มีรูปเช็คนำฝากปรากฎอยู่ด้วย เป็นต้น
4.3 ระบบเศรษฐกิจโดยรวม ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของกระแสเงินในภาคธุรกิจและระบบเศรษฐกิจของประเทศให้มีความรวดเร็วมากขึ้น
5.กระบวนการเรียกเก็บเงินตามเช็คในระบบ ICAS
เริ่มจากลูกค้านำเช็คเข้าฝากที่ธนาคาร ธนาคารผู้ส่งเรียกเก็บจะกราด (Scan) ภาพเช็คทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมทั้งจัดทำข้อมูลของเช็คฉบับดังกล่าว ส่ง Online มาที่ศูนย์หักบัญชีของ ธปท. เพื่อคัดแยกภาพเช็คและข้อมูลส่งต่อให้ธนาคารผู้จ่าย เพื่อตรวจสอบและอนุมัติตัดจ่ายเงินตามเช็คต่อไป
ในกรณีที่เช็คฉบับนั้นถูกปฏิเสธการจ่าย ธนาคารผู้จ่ายจะแจ้งผลเช็คคืนทาง Online ส่งไปยังศูนย์หักบัญชีเพื่อแจ้งต่อไปยังธนาคารผู้เรียกเก็บ หลังจากนั้นธนาคารผู้เรียกเก็บจะนำส่งตัวเช็คคืนเป็นตัวเช็คจริงพร้อมแนบใบแจ้งผลการคืนเช็คให้แก่ลูกค้าต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลและภาพเช็คที่ส่งเข้าเรียกเก็บดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ที่ระบบ ICAS ที่ศูนย์หักบัญชี ธปท. เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานทางกฎหมายและกระบวนการทางศาลแทนตัวเช็คจริงต่อไป
กระบวนการเรียกเก็บเงินตามเช็คในระบบ ICAS
6. มาตรฐานภาพเช็คที่ส่งเรียกเก็บในระบบ ICAS
ภาพเช็คที่ส่งเรียกเก็บผ่านระบบ ICAS ต้องมีคุณสมบัติที่เอื้อให้ธนาคารผู้จ่ายสามารถตรวจสอบความสมบูรณ์ของเช็คและลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายจากภาพเช็คได้อย่างชัดเจน รวมทั้งต้องมีขนาดของ File ภาพที่ไม่ใหญ่เกินไปเพื่อให้สามารถส่งผ่านระบบ Onlineได้อย่างรวดเร็ว
ธปท. ได้กำหนดให้เช็คที่จะส่งเข้าเรียกเก็บผ่านระบบ ICAS แต่ละฉบับ ต้องจัดทำเป็นภาพเช็คจำนวน 3 ภาพ คือ ภาพที่ 1 เป็นภาพ Grayscale ด้านหน้าของเช็ค และภาพที่ 2 และ 3 เป็นภาพ Black & White ด้านหน้าและด้านหลังของเช็ค (รายละเอียดตามตารางด้านล่าง)
มาตรฐานภาพเช็คของระบบ ICAS
ตัวอย่างภาพเช็คตามมาตรฐานภาพเช็คของระบบ ICAS
7. การรักษาความปลอดภัยบนตัวเช็ค
การรักษาความปลอดภัยสำหรับเช็ค ประกอบด้วยการป้องกันการปลอมแปลงเช็คและการป้องกันการแก้ไขข้อความบนตัวเช็ค ดังต่อไปนี้
7.1 การป้องกันการปลอมแปลงเช็ค
กระดาษที่ใช้พิมพ์เช็คต้องเป็นกระดาษ CBS 1 (London Clearing Banks Paper Specification No.1) และต้องมีลายน้ำกลาง (Common Watermark) ซึ่งเป็นลายน้ำที่มีรูปแบบตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด และมีขนาดความกว้างและความสูงไม่น้อยกว่า 2 เซนติเมตร ฝังอยู่ในเนื้อกระดาษและกระจายอยู่ทั่วไปบนตัวเช็ค โดยในเช็คแต่ละฉบับจะต้องมีลายน้ำกลางเต็มรูปอย่างน้อย 1 รูป และสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อยกขึ้นส่องกับแสงสว่าง ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับธนาคารผู้รับฝากเช็คในการตรวจสอบเช็คของธนาคารอื่นที่ลูกค้านำมาฝาก
ธนาคารผู้ออกเช็คสามารถใส่ลายน้ำที่มีรูปแบบเฉพาะของแต่ละธนาคารไว้ควบคู่กับลายน้ำกลางได้ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมภายในของธนาคารผู้ออกเช็คเอง โดยลายน้ำดังกล่าวต้องไม่อยู่ติดหรือทับลายน้ำกลาง
รูปลายน้ำกลาง (Common Watermark) บนเช็ค
(สามารถมองเห็นได้เมื่อยกส่องกับแสงสว่าง)
7.2 การป้องกันการแก้ไขข้อความบนตัวเช็ค
1. กระดาษที่ใช้ในการพิมพ์เช็คจะต้องเป็นกระดาษ CBS 1 ประเภท Laser Grade กล่าวคือ เป็นกระดาษ CBS1 ที่มีการเคลือบผิวด้วยกรรมวิธีพิเศษเพื่อให้เกิดการยึดเกาะโทนเนอร์ (Toner) ได้ดี สามารถป้องกันการขูดลอก ลบ หรือแก้ไขข้อมูลที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ โดย ทิ้งร่องรอยให้เห็นได้อย่างชัดเจน
2. ข้อความ / ลวดลายบนตัวเช็คที่พิมพ์ด้วยหมึกที่มีคุณลักษณะพิเศษ
3. การใช้ลวดลาย / การออกแบบที่มีลักษณะพิเศษ
8. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบICAS
ระบบ ICAS ใช้ Hashing 1/ (หรือ Digital Fingerprinting) และ Digital Signature 2/ในการควบคุมเรื่องความถูกต้องของข้อมูลเช็คและภาพเช็ค (End-to-end Data Integrity Control) รวมทั้งการพิสูจน์การทำธุกรรม (หรือ Non-repudiation) ของธนาคารผู้ส่งข้อมูลเช็คและภาพเช็คเข้าระบบ ICAS นอกจากนี้ยังมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยด้านอื่น ๆ เช่น การยืนยันตัวบุคคลก่อนการเข้าใช้งาน การจัดการสิทธิ์ การจัดเก็บข้อมูลจราจร การจัดเตรียมระบบและเครือข่ายสำรอง เป็นต้น เพื่อให้ระบบ ICAS ดำเนินการอย่างมั่นคงปลอดภัย
หมายเหตุ:
1/ Hashing เป็นกระบวนการในการแปลงข้อมูลตั้งต้น (input message) ผ่าน Hash Function ให้เป็น fixed-size string ที่เรียกว่า Hash Value ซึ่งคุณสมบัติของ Hash Function นั้นจะต้อง 1) ง่ายในการคำนวณ 2) ยากที่จะคำนวณค่าข้อมูลตั้งต้นจากค่า Hash Value และ 3) ยากที่ข้อมูลตั้งต้นต่างกันจะได้ค่า Hash Value เท่ากัน
2/ Digital Signature คือ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการพิสูจน์ความถูกต้องของข้อมูล (Data Integrity) รวมทั้งใช้ในการยืนยันการทำธุรกรรมของเจ้าของลายมือชื่อ (Non-repudiation)
9. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบ ICAS
กฎหมายที่รองรับการใช้งานระบบ ICAS มีทั้งสิ้น 3 ฉบับ กล่าวคือ
1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 เอกเทศสัญญา ลักษณะ 21 ว่าด้วยเรื่องตั๋วเงิน หมวด 4 เช็ค ในมาตรา 987- 1000
กฎหมายดังกล่าวกำหนดเกี่ยวกับเช็ค เงื่อนไขและวิธีการออกเช็คให้ถูกต้อง รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับความสมบูรณ์ของเช็ค ซึ่งเป็นเรื่องทางแพ่ง
2. พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534
พ.ร.บ. ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมให้มีการออกเช็คโดยสุจริต หากมีการออกเช็คโดยทุจริตจะต้องได้รับโทษทางอาญา และมีการกำหนดบทลงโทษไว้ชัดเจน
3. พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 และพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551
พ.ร.บ. ดังกล่าวกำหนดให้มีการยอมรับข้อมูลและเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายได้
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวข้างต้นสามารถรองรับระบบ ICAS ได้ โดยไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่
10. สิ่งที่ต้องขอความร่วมมือผู้สั่งจ่ายเช็ค
เพื่อให้การเรียกเก็บเงินตามเช็คในระบบ ICAS สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธปท. ใคร่ขอความร่วมมือจากผู้สั่งจ่ายเช็ค ดังนี้
1. การเขียนวันที่สั่งจ่ายบนตัวเช็ค ควรกรอกข้อมูลในรูปแบบตัวเลขลงในแต่ละช่องที่กำหนด ตามรูปแบบที่ได้แนะนำไว้บนเช็ค คือ ววดดปปปป เพื่อให้ธนาคารผู้เรียกเก็บและธนาคารผู้จ่ายสามารถใช้ระบบงานการอ่านภาพตัวเลขเพื่อแปลงเป็นข้อมูลไปใช้งานได้อย่างสะดวก
2. ควรยกเลิกการใช้ ตราประทับ / ตรานูน / ตราสี เป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขการสั่งจ่ายเช็ค เนื่องจากระบบ ICAS ใช้เทคโนโลยีการเรียกเก็บเงินตามเช็คด้วยภาพ Grayscale และ Black & White ซึ่งเป็นภาพเฉดสีขาวดำ จึงทำให้ธนาคารผู้จ่ายไม่สามารถตรวจสอบความนูนต่ำของพื้นผิว และความถูกต้องของเฉดสีตามเงื่อนไขของตราประทับได้ รวมทั้งความเข้มของสีตราประทับอาจบดบังลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คและข้อมูลสำคัญอื่นจนไม่สามารถตรวจสอบได้
ตัวอย่างภาพเช็คที่ใช้ตราประทับสี ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบเงื่อนไขสีในระบบ ICAS ได้
(เช็คต้นฉบับ)
(ภาพ Grayscale ของระบบ ICAS)
ตัวอย่างภาพเช็คที่มีตราประทับ ซึ่งรบกวนลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและข้อมูลสำคัญของเช็ค
(ภาพ Grayscale ของระบบ ICAS)
(ภาพ Black & White ของระบบ ICAS)
(ภาพ Black & White ของระบบ ICAS)
(2472)