เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือน ไมโครซอฟท์จะยุติการสนับสนุน ‘วินโดวส์XP’ โอเอสที่อยู่คู่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์มานาน และผ่านร้อนหนาวกับภัยคุกคามนานาชนิด แน่นอนมาถึงทางแยกที่ผู้ใช้งานทุกคนต้องเลือกว่า จะใช้งานต่อไป หรือจะเลือกควักเงินอัพเกรดไปใช้ของใหม่ แล้วถ้าหากใช้งานต่อไปสิ่งที่จะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง…
ในวันที่ 8 เม.ย. 2557 ที่จะถึงนี้ หรืออีกไม่ถึง 30 วัน ไมโครซอฟท์จะสิ้นสุดการให้การสนับสนุนระบบปฏิบัติการ “วินโดวส์ XP” ระบบปฏิบัติการที่มีอายุยืนยาวกว่า 12 ปี และโปรแกรมชุด Office 2003 ชุดโปรแกรมออฟฟิศอายุกว่า 10 ปี ในขณะที่ยังมีองค์กรภาคธุรกิจ รวมถึงผู้ใช้งานอีกนับล้านรายทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ยังคงใช้งานอยู่ นับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2557 เวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานวินโดวส์ XP (ทั้งไลเซนส์ประเภท Home และ Professional) จะได้รับการแจ้งเตือนอัตโนมัติผ่าน วินโดวส์ อัพเดต ถึงการสิ้นสุดการบริการที่กำลังจะมาถึง และเชิญชวนให้ผู้ใช้เข้าไปยังเว็บไซต์ Windows.com เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบจากการยุติการให้บริการดังกล่าว
หากพิจารณาจากผลการสำรวจของ StatCounter ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่ามีจำนวนผู้ใช้งาน วินโดวส์ XP ลดลง อยู่ที่อัตราส่วน 25.32% หรือคิดเป็นคอมพิวเตอร์พีซี ประมาณ 420,471 เครื่อง ในกลุ่มผู้ใช้ประเภทเอสเอ็มอี ในขณะที่วินโดวส์ 7 อยู่ที่ 52.62% และวินโดวส์ 8 มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 4.88% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ประเทศไทยมีการใช้งานวินโดวส์ XP ลดลง
นาย รชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจและการตลาดวินโดวส์และเซอร์เฟซ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การลดลงอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ใช้งานวินโดวส์ XP ในประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นแนวโน้มที่ดี สวนทางกับวินโดวส์ 7 และวินโดวส์ 8 ที่มีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรธุรกิจต่างๆ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความจำเป็น ในการเปลี่ยนมาใช้งานระบบปฏิบัติการที่ทันสมัย โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี วิธีการใช้เทคโนโลยีของผู้คนในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
“ตัววินโดวส์ XP ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานนอกสถานที่ ที่ต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ทั้งยังขาดระบบป้องกันอันตรายจากภัยคุกคามใหม่ๆ ในโลกออนไลน์ อีกนับล้านรูปแบบ เพราะฉะนั้น อย่าติดยึดกับเทคโนโลยีที่ล้าสมัยไปแล้วถึง 12 ปี แม้แต่โทรศัพท์มือถือที่คุณใช้ ก็ไม่ใช่แบบเดียวกับที่ใช้เมื่อ 12 ปีก่อนอีกต่อไป วินโดวส์ XP เองก็มีข้อจำกัดและความเสี่ยงต่างๆ มากมายในสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือน ผู้ใช้งาน XP อีกกว่า 2 ล้านรายยังคงตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัย” ผจก.กลุ่มธุรกิจและการตลาดวินโดวส์ฯ บ.ไมโครซอฟท์ กล่าว
นายรชฏ กล่าวต่อว่า หลังจากวันที่ 8 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์จะยุติการพัฒนาอัพเดตด้านความปลอดภัย การปรับปรุงแก้ไขคุณสมบัติต่างๆ และการช่วยเหลือ หรือให้บริการทางเทคนิค นั่นหมายความว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นยังใช้งานได้ต่อไป แต่จะไม่ได้รับการอัพเดตใดๆ เพื่อปกป้องตนเองจากไวรัสที่อันตราย สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายต่างๆ อันจะส่งผลเสียต่อธุรกิจ เช่น กรณีที่ระบบไม่ทำงาน หรือปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ ทั้งโปรแกรมที่ใช้ทำงาน หรือ แม้แต่แอนตี้ไวรัส รวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่อพ่วงใหม่ๆ จะหาไดร์เวอร์ไม่ได้ นอกจากความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัย จะทำให้การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตอาจมีช่องโหว่ และแฮกเกอร์อาจใช้ช่องโหว่ดังกล่าวโจมตี หรือขโมยข้อมูลได้
ผจก.กลุ่มธุรกิจและการตลาดวินโดวส์ฯ บ.ไมโครซอฟท์ กล่าวอีกว่า จากรายงาน Security Intelligence Report (Vol. 15) ฉบับล่าสุดของไมโครซอฟท์ พบว่า วินโดวส์ XP SP3 มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากกว่าวินโดวส์ 8 ถึง 5.68 เท่า ซึ่งเท่ากับว่าคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ XP มีโอกาสในการโดนมัลแวร์จู่โจมสูงถึง 82.4% ยิ่งไปกว่านั้น มูลค่าเฉลี่ยของความเสียหายที่เกิดจากภัยทางด้านความปลอดภัยระดับร้ายแรง สำหรับเอสเอ็มอี ก็สูงถึง 54,000 ถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ดังนั้น บริษัทที่ยังคงใช้งานวินโดวส์ XP และ Office 2003 ยังพลาดโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากระบบความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี ทางเลือกรูปแบบดีไวซ์ที่หลากหลายและตอบสนองรูปแบบการทำงานในปัจจุบัน ประสิทธิภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนในการบริหารจัดการที่ลดลง
พร้อม กันนี้ นายรชฏ กล่าวด้วยว่า การอัพเกรดจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่เป็นวินโดวส์ XP สามารถทำได้ด้วยตนเอง แม้ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ หรือผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้มีทักษะความสามารถทางด้านไอที ไม่ว่าจะเป็นการซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ซึ่งมีตัวเลือกมากมาย ส่วนคอมพิวเตอร์เก่าๆ มากกว่า 6 ปี การอัพเกรดซอฟต์แวร์อาจทำไม่ได้ เพราะติดข้อจำกัดฮาร์ดแวร์ หรือการอัพเกรดระบบปฏิบัติการจากพีซีที่ใช้งานอยู่ หากพีซีที่ใช้มีไลเซนส์วินโดว์ส 7 แต่ก่อนหน้านี้ดาวน์เกรดไปใช้ XP คุณก็สามารถใช้สิทธิ์เดิมที่มีอัพเกรดขึ้นมาเป็นวินโดวส์ 7 ได้ ส่วนการยุติการสนับสนุนวินโดวส์ XP ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยกเว้นค่าไลเซนส์ใช้งาน เพราะอยู่คนละส่วนกัน ผู้ที่ใช้ของเถื่อนก็ยังมีสิทธิ์ถูกจับกุมได้ หากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการใช้วินโดวส์ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ปลอม
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้ประกาศเปิดตัว 2 ตัวช่วยใหม่ให้ใช้งานฟรีๆ เพื่อช่วยเอสเอ็มอีโอนย้ายจากระบบปฏิบัติการเดิม
เครื่องมือฟรีเพื่อการย้ายจากวินโดวส์ XP: PCmover Express for Windows XP
ไมโครซอฟท์ ร่วมมือกับ Laplink พัฒนา PCmover Express for Windows XP ซึ่งช่วยทำการคัดลอกไฟล์งานและการตั้งค่าต่างๆ จากคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ XP ไปสู่เครื่องใหม่ที่ใช้วินโดวส์ 7 วินโดวส์ 8 หรือ วินโดวส์ 8.1 PCmover Express พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วที่ www.windowsxp.com
เว็บไซต์ที่ช่วยระบุระบบปฏิบัติการบนพีซีของคุณอย่างอัตโนมัติ: AmIrunningXP.com
สำหรับ ผู้ใช้งานที่ไม่แน่ใจว่าระบบปฏิบัติการที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชั่นใด ไมโครซอฟท์ก็ได้เปิดตัว AmIRunningXP.com เว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมา เพื่อตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์ของคุณกำลังใช้ระบบปฏิบัติการใดโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นวินโดวส์ XP หรือวินโดวส์เวอร์ชั่นใหม่ๆ เช่น วินโดวส์ 8.1 วินโดวส์ 8 หรือวินโดวส์ 7 โดยหากตรวจพบว่า ยังใช้ วินโดวส์ XP อยู่ ที่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยุติการสนับสนุนของวินโดวส์ XP พร้อมด้วยข้อแนะนำในการอัพเกรดไปสู่ระบบปฏิบัติการที่ทันสมัย.
(1186)